คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ดีต่อรถบ้านโดยไม่ค่อยมีอคติทั้งด้านราคาและสภาพเครื่อง

ความต้องการใช้รถของคนไทยมีมากยิ่งขึ้น

ประกอบกับผู้ผลิตเองก็สรรหาข้อเสนอที่เย้ายวนใจมาส่งเสริมการขายเพื่อเรียกลูกค้าให้ซื้อหารถกันมากขึ้น ทำให้หลายคนตื่นตาตื่นใจกับโปรโมชั่นที่หลายๆค่ายเสนอให้กับคุณ รู้ตัวอีกทีอาจเผลอไผลหลวมตัวซื้อรถที่ไม่เหมาะกับตัวเองมาใช้งานได้ ดังนั้นผู้ที่สนใจจะหารถซักคันมาเป็นยานพาหนะประจำกายควรพิจรณาหลายๆปัจจัยในการซื้อรถ เพื่อให้ได้สิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองและถูกใจเรา ทั้งนี้ความเหมาะสมต่างๆก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ใช่เพียงแต่ความพึงพอใจในรูปลักษณ์ภายนอกหรือโปรโมชั่นเพียงอย่างเดียว

รถบ้าน หมายถึงรถที่เจ้าของขายเอง

จอดรถไว้ให้ดูที่บ้านหรือนัดแนะกันดูสภาพรถที่ไหนก็ตาม ถึงจะไม่ใช่นัดพบกันที่บ้านก็ยังเรียกว่าเป็นรถบ้าน ซึ่งเหมารวมถึงรถที่เจ้าของขายเอง คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ดีต่อรถบ้านไม่ค่อยมีอคติทั้งด้านราคา และสภาพ คิดว่าจะมีราคาไม่แพง เพราะไม่ผ่านนายหน้า ทั้งที่เข้าของรถอาจเขี้ยวลากดินตั้งราคาตามหน้าเต็นท์เลยก็เป็นได้ หรือต้องมีสภาพดี ทั้งที่บางคันเจ้าของถลุงจนโทรมแล้วเต็นท์ไม่อยากรับซื้อจึงต้องมาประกาศขายเองก็เป็นได้ เมื่อคนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ดีต่อรถบ้าน และชะล่าใจเมื่อไปดูสภาพรถบ้านจากเจ้าของเดิมโดยตรง ผู้ค้าหรือเต็นท์รถมือสองก็เลยต้องสวมรอยเป็นรถบ้าน โดยเอารถไปจอดตามบ้านเช่าหรือบ้านคนรู้จักแล้วประกาศขายตามสื่อต่างๆ ปัจจุบันนี้มีการสวมรอบลักษณะนี้มากขึ้นเรื่อยๆเพราะจะขายได้ง่าย และถูกจับผิดน้อยกว่าการจอดขายตามเต็นท์

การซื้อรถบ้านใช้แล้วนั้นถ้าเรามีความละเอียดรอบคอบเพียงพอในการเลือกซื้อ ไตร่ตรองถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจซื้อก็จะทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นว่าซื้อแล้วได้ใช้งานคุ้มค่า ซึ่งอาจเป็นเพราะเงินมีจำกัด อีกทั้งไม่อยากเป็นภาระมานั่งผ่อนทุกเดือน รถที่ใช้ก็ถือได้ว่าตอบสนองเราได้เป็นอย่างดีเพียงแต่เราดูแลบำรุงรักษารถให้ดี ก็ใช้ไปได้อีกนาน ขนาดที่คิดได้ว่าจะไม่ยอมขายจะใช้ให้พังคามือเลย เป็นธรรมดาสำหรับรถดีๆไม่จุกจิกกวนใจ กวนเงินในกระเป๋าเรา โดยเราควรมาดูว่ารถมือสองที่เราจะซื้อมีวิธีการเลือกอย่างไร เพราะการดูรถถ้าครบถ้วนตามกระบวนการอาจใช้เวลามากสักหน่อยแต่ก็คุ้ม

การเลือกซื้อรถบ้าน หรือ รถเต้นท์ ตลาดรถ

ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ซึ่งข้อดีคือเราสามารถสอบถามกับผู้ใช้รถโดยตรงหรือเจ้าของรถบ้านว่าเขาใช้มาเป็นไงบ้าง ปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถคันนี้มีอะไร ได้ข้อมูลที่ชัดเจนจากเจ้าของรถบ้าน สภาพการใช้งานเป็นยังไง ส่วนเรื่องราคาก็ถูกกว่าที่ซื้อจากรถเต้นท์ ตลาดรถ ศูนย์รวมรถมือสอง แต่ถ้าจะซื้อก็ต้องเปรียบเทียบราคาให้ดีก่อน บางทีเจ้าของรถอาจจะไปเช็คกับตลาดรถ เต้นท์รถ ตั้งราคาตามหน้าเต้นท์หรืออาจจะตั้งราคาน้อยกว่าเต้นท์นิดนึง

สำหรับการซื้อบ้านกับซื้อรถนั้นอย่างไหนสำคัญกว่ามาดูกันค่ะ

buying-home

เปิดประเด็นคำถามสุด Hot สำหรับหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยทำงาน กำลังเริ่มก่อร่างสร้างตัว หลายคนทำงานมาหลายปี คงเริ่มมีเงินเก็บกันบ้างแล้วใช่ไหม อย่างน้อยๆ สัก 1-2 แสนก็น่าจะถึง แล้วเพื่อนๆเคยคิดไหมว่าจะนำเงินที่เก็บไว้ไปทำอะไรดี บางคนก็เลือกที่จะนำเงินไปลงทุน บางคนก็ฝันว่าจะซื้อรถยนต์ ไว้ใช้งาน นั่งสบายๆสักคัน นั่งรถเมล์มานานตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว บางคนคิดจะซื้อบ้านสักหลัง ฝันกันไว้เยอะเลยไม่ผิด ชีวิตคนปกติเรียนจบก็อยากมีบ้าน รถยนต์ และมีครอบครัวที่อบอุ่น แล้วเราจะซื้อบ้านหรือรถยนต์ก่อนดีคำถามนี้คล้ายๆกับคำถามว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันทำนองนั้น ขอตอบคำถามโดยแบ่งเป็นมุมมอง 2 แบบดังนี้

มุมมองที่ 1 ขึ้นกับเหตุปัจจัยความจำเป็นของแต่ละตัวบุคคล
เลือกซื้อบ้านหรือรถยนต์ก่อนก็ได้ครับ ตามความจำเป็นที่จะต้องใช้งาน และที่สำคัญที่สุดจะต้องไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่น
– คุณมดดำเป็นคนรักสัตว์ชอบเลี้ยงสุนัขมากๆ กรณีของคุณมดดำ จำเป็นต้องตัดสินใจซื้อบ้านก่อนที่จะซื้อรถยนต์ เพราะคุณมดดำต้องการบ้านที่มีพื้นที่โดยรอบเพื่อเลี้ยงสุนัข
– คุณหยกเลือกที่จะซื้อรถยนต์ก่อนซื้อบ้าน เนื่องจากโครงการบ้านใหม่ๆ ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในซอย ซึ่งเวลาจะเดินทางเข้าและออกจากบ้านแต่ละครั้ง หากไม่มีรถยนต์ไว้ใช้งานสักคัน ชีวิตต้องลำบากมาก อีกทั้งเวลาจะไปซื้อบ้าน ถ้าหากไม่มีรถยนต์พาไปซื้อบ้านก็ไม่สะดวกอีกเช่นกัน
– คุณโบนัสบอกว่า เราขอตัดสินใจซื้อบ้านก่อนซื้อรถดีกว่า เพราะบ้านและที่ดินมีมูลค่าเพิ่มตลอดทุกปี ถึงแม้บ้านจะเก่าลงก็ตาม อีกทั้งบ้านและที่ดินยังสามารถนำมาเป็นหลักประกันด้านการเงินได้อีกด้วย แต่ถ้าหากนำเงินไปซื้อรถยนต์ เมื่อเวลาผ่านไปแต่ละปี มูลค่าของรถยนต์ก็จะลดลงเรื่อยๆ ค่าบำรุงรักษาก็จะเพิ่มขึ้นทุกปีๆเช่นกัน ทุนประกันภัยของรถยนต์ก็จะลดลงทุกปีเช่นกันในขณะที่จ่ายค่าเบี้ยแพงขึ้นหรือจ่ายเท่าเดิมก็ตาม

มุมมองที่ 2 พิจารณาจากความยากง่ายในการซื้อบ้านและรถยนต์
ถ้าหากพิจารณาจากความยากง่ายในการซื้อ แน่นอนค่ะของทั้งสองสิ่งนี้ราคาหลักใกล้ๆล้านบาทหรือล้านบาทขึ้นไป แน่นนอนใช่ไหมน้อยคนที่ซื้อบ้านและรถยนต์ด้วยเงินสดในยุคนี้ ส่วนใหญ่ต้องอาศัยการขอกู้เงินจากธนาคารมาซื้อการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์จะง่ายกว่าการอนุมัติสินเชื่อซื้อบ้าน เนื่องจากระยะเวลาการผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ใช้เวลาเพียง 4-6 ปี ซึ่งสั้นกว่าระยะเวลาการผ่อนชำระค่าสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน

ในการขอสินเชื่อซื้อรถยนต์ หากผู้กู้เงินเดือนไม่สูงมาก แต่ธนาคารดูแล้วพอจะมีความสามารถในการส่งค่างวดไหว อาจจะต้องใช้คนค้ำประกัน หรือขยายเวลาการผ่อนชำระให้ยาวที่สุด เพื่อให้จำนวนเงินที่ผู้ซื้อต้องส่งค่างวดแต่ละเดือนลดลง (แต่ดอกเบี้ยเพิ่ม) เพียงเท่านี้เพื่อนๆก็สามารถซื้อรถได้แล้วค่ะ

สำหรับการกู้ซื้อบ้าน ซึ่งมีการผ่อนชำระที่ยาวนานถึง 20-30 ปี ดังนั้นการที่ธนาคารจะปล่อยกู้นั้นธนาคารต้องประเมินความเสี่ยงค่อนข้างละเอียด หนี้สินต่างๆที่แสดงบนเครดิตบูโรซึ่งธนาคารจะนำมาประเมินโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อทั้งหมด

หมายความว่า หากซื้อรถยนต์ก่อนซื้อบ้าน ยอดเงินที่เรากู้ซื้อรถยนต์กับธนาคารนั้นๆ จะแสดงที่เครดิตบูโรด้วย ยกตัวอย่างเช่น นาย ก. เงินเดือน 20,000 บาท ซื้อรถยนต์คันละ 9 แสน ถึง 1 ล้านบาท ต้องส่งค่ารถยนต์ให้กับธนาคารโดยประมาณเดือนละ 12,000 บาท ทุกเดือนเป็นเวลา 5 ปี หนึ่งปีผ่านไป นาย ก. คิดที่จะซื้อบ้านสักหลังเป็นของตนเอง โดยมองหาจะซื้อบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น จากนั้นทำการยื่นเรื่องขอกู้เงินกับธนาคารเพื่อซื้อบ้าน เพื่อนๆคิดว่านาย ก. จะกู้ซื้อบ้านผ่านไหม ตอบอย่างรวดเร็วว่ากู้ไม่ผ่าน เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากนาย ก. เหลือเงินไว้ใช้จ่ายเพียงเดือนละ 8,000 บาท หลังจากหักเงินที่ต้องผ่อนรถแล้ว

 

 

วางแผนการออมก่อนซื้อบ้านในฝัน

 

ในทุกวันนี้ บ้าน ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง คนหลายคนอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองเพื่อส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่น้อยคนนักที่จะซื้อบ้านด้วยเงินสดได้ คนส่วนใหญ่จึงต้องอาศัยเงินกู้จากธนาคาร นั่นจะทำให้ภาระเงินกู้หนักขึ้น และทำให้คุณภาพชีวิตโดยรวมไม่ดีเท่าที่ควร เพราะต้องมีการจับจ่ายใช้สอยของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันของตนเองอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องวางแผนทางการเงิน การจะวางแผนทางการเงินเพื่อซื้อบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องมีการวางแผนที่ดี อย่างแรกเราควรทราบราคาบ้านที่เราต้องการจะซื้อ แล้วมาคำนวณว่า รายรับที่เรามีอยู่สามารถซื้อและผ่อนบ้านได้หรือไม่ มีเงินดาวน์เพียงพอที่จะจ่ายให้กับเจ้าของโครงการหรือไม่ หรืออีกวิธีหนึ่งที่อยากจะแนะนำคือ นำรายได้ของเราที่มีอยู่มาคำนวณว่าเราจะสามารถซื้อบ้านแบบใด ราคาใดได้บ้าง

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องคำนึงก่อนการจะซื้อบ้าน ต้องดูความพร้อมว่าเราพร้อมแค่ไหนเมื่อคิดจะซื้อบ้าน เพราะบ้านคือสิ่งที่เราซื้อมาพร้อมภาระก้อนโตที่จะอยู่กับเราเป็นสิบปีหรือยี่สิบปีเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้านควรคิดให้รอบคอบก่อนว่ามีความพร้อมกับภาระหนี้หรือไม่ และสิ่งที่จะช่วยเราได้ คือการออม การเก็บเงินออมเอาไว้สักก้อนเพื่อใช้เป็นค่าดำเนินการ ทำให้เราอุ่นใจมากกว่า หากเราไม่วางแผนเก็บเงินก้อนไว้สำรองไว้แต่แรก อาจทำให้พลาดโอกาสในการครอบครองบ้านในฝันของคุณก็ได้เมื่อมีบ้านแล้ว รถก็เป็นสิ่งที่ตอบสนองความต้องการ ด้วยสตางค์ในกระเป๋ามีจำกัดไม่อยากเป็นภาระมานั่งผ่อน รถยนต์มือสองจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่เพิ่งผ่อนบ้านไปหมาดๆ แต่การจะเลือกรถมือสองนั้นต้องตัดสินใจไตร่ตรองให้รอบคอบ ตรวจสอบรถให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ก็จะทำให้เราเกิดความมั่นใจได้ว่าเมื่อซื้อมาแล้วได้ใช้งานอย่างคุ้มค่า โดยเลือกตลาดที่ซื้อขายรถยนต์มือสองที่น่าเชื่อถือ เพียงเท่านี้ฝันที่จะมีบ้านและรถของคุณก็จะเป็นจริง

ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจกับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์

ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจกับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์
ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจกับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์

เชื่อว่าตัวผันแปรของเศรษฐกิจที่ส่งผลให้มีการตอบสนองต่อเศรษฐกิจอยู่ไม่น้อย เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องการเมือง ปัจจุบันการเมืองในไทยเรามีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง แว่ว ๆ มาจากฝั่งของนักลงทุนนั้น ก็มีข่าวหนาหูเรื่อย ๆ ว่าจะต้องมีการถอดเงินลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์เป็นระยะ ๆ เป็นเรื่องธรรมดาที่หากมีเหตุการณ์ไม่ดี หรือสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี นั่นอาจจะหมายความว่าฝ่ายบริหารจัดการบ้านเมืองยังมีปัญหาอยู่ อาจจะทำให้เศรษฐกิจของคนในประเทศซบเซาได้

นักลงทุนมีความกังวลอยู่ว่าประเทศไทยตอนนี้ อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะไม่เติบโตทางด้านเศรษฐกิจ หากลงทุนลงไปแล้วอาจจะทำให้ขาดทุน หรือผลกำไรไม่เป็นดังที่คาดหมายเอาไว้อย่างแน่นอนอย่างไรก็ตามนักลงทุนเหล่านี้ยังคงรอดูสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และหากเงียบสงบหรือมีปัญหาลดน้อยลงแล้ว อาจจะพิจารณาทำการลงทุนอีกครั้ง

ความกังวลทางด้านเศรษฐกิจตอนนี้ไม่เพียงแต่ภาคธุรกิจอื่น ๆ ธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็มีความกังวลอยู่ไม่น้อย เพราะหากเสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจของคนภายในประเทศไม่ดี ก็อาจจะต้องชะลอโครงการทางด้านอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ไว้ก่อน เพื่อพิจารณาอีกครั้งเพื่อทุกอย่างใกล้เข้าสู่สภาวะปกตินั่นเอง